
ในยุคที่ทุกองค์กรต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีพลิกโฉมวิธีการทำงาน การแข่งขันที่สูงขึ้นในทุกอุตสาหกรรม และความไม่แน่นอนที่ยากจะคาดเดาได้ Entrepreneurial Spirit หรือ จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ ได้กลายเป็น “หัวใจของความอยู่รอด” และ “พลังขับเคลื่อนหลัก” สำหรับบุคลากรในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ หัวหน้าทีม หรือแม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูง
จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตัวเจ้าของกิจการอีกต่อไป แต่คือแนวคิด วิธีทำงาน และทัศนคติที่สะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าลอง กล้าเปลี่ยนแปลง และกล้ารับผิดชอบในการขับเคลื่อนคุณค่าใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นจากภายในองค์กร
โลกการทำงานยุคใหม่ต้องการ “ผู้ประกอบการในองค์กร”
ผลการศึกษาของ Harvard Business Review (2021) ชี้ให้เห็นว่าองค์กรที่ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบผู้ประกอบการภายใน (Intrapreneurship Culture) มีแนวโน้มสร้างนวัตกรรมได้เร็วขึ้นถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับองค์กรที่ใช้ระบบการบริหารแบบดั้งเดิม เพราะพนักงานรู้สึกเป็นเจ้าของเป้าหมาย และกล้าตัดสินใจมากขึ้น
ในศตวรรษที่ 21 การทำงานจึงไม่ได้วัดกันแค่ “ความสามารถในการปฏิบัติงานตามคำสั่ง” แต่เน้นหนักไปที่ “ความสามารถในการคิดเชิงกลยุทธ์อย่างอิสระ” และ “สร้างสรรค์คุณค่าภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด” ซึ่งทั้งหมดนี้คือแก่นของ จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ
เมื่อคนทำงานเริ่มมองตัวเองเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่แค่ผู้ตาม พวกเขาจะ:
- แสวงหาโอกาส ความเป็นไปได้ใหม่ๆ แทนที่จะทำตามกรอบเดิม หรือรอแต่คำสั่ง
- กล้ารับผิดชอบมากขึ้น แทนการโยนภาระ บ่ายเบี่ยงหน้าที่
- ยืดหยุ่น ปรับตัวเร็ว สร้างนวัตกรรมส่วนตัว เร็วกว่าองค์กรที่เปลี่ยนช้า
- และที่สำคัญ สร้างผลลัพธ์ที่แตกต่าง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งใหญ่โต
นอกจากนี้ ในรายงาน “The State of Organizations” McKinsey & Company (2022) ระบุว่าองค์กรที่เปิดโอกาสให้พนักงานคิดอย่างผู้ประกอบการ จะมี ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่งถึง 3 เท่า และสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือน ขณะที่คู่แข่งใช้เวลาเฉลี่ยถึง 18 เดือน
World Economic Forum (WEF) – Future of Jobs Report 2023
จัดให้ “Entrepreneurial Thinking” เป็นหนึ่งใน 10 ทักษะสำคัญของแรงงานโลกที่ต้องมีภายในปี 2025 และระบุว่า “ทักษะในการสร้างคุณค่าจากการริเริ่มใหม่” จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรในโลกที่ซับซ้อน
องค์กรใดที่สามารถปลูกฝัง Entrepreneurial Spirit ได้อย่างต่อเนื่อง จะไม่เพียงแค่ “อยู่รอด”
แต่จะสามารถ “เติบโต” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดได้อย่างยั่งยืน

สรุป Entrepreneurial Spirit คือ?
Entrepreneurial Spirit หรือ จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ คือ แนวคิดและทัศนคติแบบผู้ประกอบการ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่คือการ คิดแบบเจ้าของ ริเริ่มสิ่งใหม่ และลงมือทำเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในองค์กร
พูดง่าย ๆ คือ “ทำงานด้วยหัวใจแบบเจ้าของกิจการ” ที่ไม่รอคำสั่ง ไม่กลัวปัญหา และไม่ทำงานไปวัน ๆ แต่จะมองหาโอกาส คิดนอกกรอบ และพยายามทำสิ่งที่ดีขึ้นเสมอ
ทำไมองค์กรต้องให้ความสำคัญกับ Entrepreneurial Spirit?
องค์กรที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยคนที่ “คิดแบบเจ้าของ ลงมือทำแบบผู้สร้าง” — ซึ่งก็คือบุคลากรที่มี Entrepreneurial Spirit (จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ) จะช่วยให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกอย่างชัดเจนใน 4 ด้าน
1. สร้างนวัตกรรมจากภายใน โดยไม่ต้องพึ่งพา Outsource ตลอดเวลา
คนที่มี Entrepreneurial Spirit จะมองหาโอกาสปรับปรุงหรือสร้างสิ่งใหม่ แม้จะอยู่ในตำแหน่งเล็ก ๆ พวกเขาจะไม่รอให้ปัญหากองโต แต่จะเริ่มทดลองแนวทางใหม่ตั้งแต่ตอนที่ยังแก้ไขได้ง่าย
ตัวอย่าง
ทีมบัญชีภายสังเกตว่าการอนุมัติค่าใช้จ่ายล่าช้าเกินไป พนักงานเสนอให้พัฒนา Google Sheet เชื่อมฟอร์มกับระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ ลดเวลารอจาก 5 วันเหลือเพียง 1 วัน โดยไม่ต้องจ้างที่ปรึกษาภายนอกมาทำระบบใหม่
2. ลดช่องว่างระหว่าง “ยุทธศาสตร์” และ “การลงมือทำ”
แม้ผู้บริหารจะวางแผนยุทธศาสตร์ดีแค่ไหน ถ้าคนในทีมไม่ลุกขึ้นมาขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์นั้นก็เป็นได้แค่แผนบนกระดาษ
คนที่มี Entrepreneurial Spirit จะเข้าใจเป้าหมายขององค์กร และมองหาวิธีเชื่อมโยงภารกิจของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่
ตัวอย่าง
องค์กรวางแผนปีนี้จะเน้น “การเติบโตจากลูกค้าเดิม (Customer Expansion)”
ฝ่ายขายไม่รอแค่ยอดใหม่ แต่สร้างแคมเปญ Re-engagement กับลูกค้าเก่า ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสแรกเติบโตเกินเป้า 15%
3. เพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
องค์กรที่ติดขั้นตอนแบบราชการมากเกินไป จะตอบสนองช้า พลาดโอกาสสำคัญไป
แต่คนที่มี Entrepreneurial Spirit จะไม่มัวแต่รอการอนุมัติหลายชั้น แต่รู้จัก “กลั่นกรองอย่างมืออาชีพ แล้วตัดสินใจในระดับของตัวเอง”
ตัวอย่าง
เมื่อคู่แข่งปล่อยแคมเปญโปรโมชั่นใหม่ ทีมการตลาดขององค์กรไม่ต้องรอจนถึงประชุมเดือนถัดไป แต่ใช้ข้อมูลการตลาดเดิม ปรับกลยุทธ์ใน 48 ชั่วโมง และปล่อยโฆษณาตอบโต้ทันที
4. รักษาคนเก่งไว้กับองค์กร
พนักงานยุคใหม่ต้องการ “พื้นที่ในการเติบโต” และ “การมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง”
หากองค์กรสนับสนุนให้พวกเขาแสดงความคิดแบบผู้ประกอบการ คนเก่งจะรู้สึกมีคุณค่า และเลือกอยู่กับองค์กรในระยะยาว
ตัวอย่าง
พนักงานรุ่นใหม่เสนอแนวคิดทำ Podcast ให้ความรู้กับลูกค้าในอุตสาหกรรม องค์กรไม่เพียงอนุมัติ แต่ยังให้พื้นที่ทดลองจริง ผลคือทั้งพนักงานได้แสดงศักยภาพ และองค์กรได้เครื่องมือการตลาดใหม่โดยไม่ต้องเสียงบ

องค์ประกอบหลักของ Entrepreneurial Spirit
จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากแรงบันดาลใจชั่วครู่ แต่เกิดจาก ชุดพฤติกรรมและกรอบความคิดที่ฝึกฝนได้ และสามารถหล่อหลอมให้เกิดขึ้นในคนทำงานทุกระดับผ่านวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุน
ต่อไปนี้คือ 5 องค์ประกอบหลักที่เป็น “แกนกลาง” ของ Entrepreneurial Spirit ที่องค์กรควรให้ความสำคัญในการพัฒนาพนักงานทุกระดับ
1. 🧠 ความเป็นเจ้าของ (Ownership Mindset)
การทำงานด้วยความรู้สึกว่า “งานนี้คืองานของเรา” ไม่โยนความรับผิดชอบ ไม่ผลักปัญหาให้ผู้อื่น และใส่ใจผลลัพธ์เท่ากับเจ้าของธุรกิจ
พฤติกรรมที่เห็นได้
- ไม่พูดว่า “ไม่ใช่งานของเรา” หรือ “ต้องให้หัวหน้าบอกก่อน”
- เมื่อเกิดปัญหา จะหาทางแก้ มากกว่าหาคนรับผิด
ตัวอย่าง
พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าเจอระบบแจ้งเตือนผิดพลาด ไม่รอให้ฝ่ายไอทีตรวจสอบ แต่รีบเก็บข้อมูลเบื้องต้น ส่งให้หัวหน้าพร้อมข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
2. 💡 ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovation Thinking)
ความสามารถในการมองเห็นโอกาสใหม่ มองปัญหาเป็นโจทย์ให้คิด ไม่ยึดติดกับวิธีเดิมหรือข้อจำกัดเดิม ๆ
พฤติกรรมที่เห็นได้
- ชอบตั้งคำถามว่า “ทำไมเราต้องทำแบบนี้?”
- เสนอมุมมองใหม่แม้ในสิ่งที่ทำมานาน
- ทดลองวิธีใหม่แบบเล็ก ๆ ก่อนเพื่อพิสูจน์แนวคิด
ตัวอย่าง
เจ้าหน้าที่ธุรการเสนอให้เปลี่ยนขั้นตอนเอกสารจาก 3 ลายเซ็นเป็น 1 ลายเซ็น พร้อมใช้ลายเซ็นดิจิทัล ช่วยลดเวลาทำงานได้สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง
3. ⚖️ กล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผล (Calculated Risk-Taking)
การกล้าตัดสินใจและลงมือทำเมื่อเห็นโอกาส แม้มีความเสี่ยงบางอย่าง แต่รู้จักประเมินอย่างรอบคอบก่อนเสมอ
พฤติกรรมที่เห็นได้
- ทดลองไอเดียใหม่แม้ไม่สมบูรณ์ 100%
- ยอมรับความผิดพลาดเล็ก ๆ เพื่อเรียนรู้
- ตัดสินใจเร็วเมื่อรู้ว่าช้าแล้วจะเสียโอกาส
ตัวอย่าง
ทีมขายเลือกเปิดตัวสินค้าใหม่กับกลุ่มลูกค้านำร่องก่อนแม้ยังไม่พร้อมสมบูรณ์ เพื่อเก็บฟีดแบ็กก่อนขยายสู่ตลาดใหญ่ในภายหลัง
4. 🚀 กล้าที่จะริเริ่มลงมือทำ (Proactiveness)
การไม่รอคำสั่ง ไม่รอให้ปัญหาลุกลาม แต่ลงมือทำทันทีเมื่อเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้อง “ขยับ” หรือ “ปรับปรุง”
พฤติกรรมที่เห็นได้
- เริ่มต้นสิ่งใหม่แม้ไม่มีคนสั่ง
- เสนอโครงการ หรือปรับปรุงกระบวนการโดยไม่ต้องมี KPI บังคับ
- มองไปข้างหน้า และวางแผนล่วงหน้าอยู่เสมอ
ตัวอย่าง
ฝ่ายไอทีพบว่าระบบมีแนวโน้มจะล่มเมื่อผู้ใช้เกิน 10,000 คน จึงวางแผนขยายเซิร์ฟเวอร์ล่วงหน้า แม้ยังไม่มีคำสั่งจากผู้บริหาร
5. 🎯 มุ่งเน้นที่คุณค่าและผลลัพธ์ (Value & Impact Focus)
ไม่ใช่แค่ทำงานให้ “เสร็จ” แต่ต้องทำให้ “ดีขึ้น” โดยมองว่าสิ่งที่ทำต้องสร้างผลลัพธ์และคุณค่าต่อองค์กรหรือผู้ใช้
พฤติกรรมที่เห็นได้
- สนใจว่าผลงานที่ทำส่งผลกระทบอะไร ไม่ใช่แค่รายงานว่างานเสร็จ
- ถามตัวเองเสมอว่า “สิ่งนี้ทำให้ชีวิตใครดีขึ้นบ้าง?”
- ปรับเปลี่ยนวิธีทำงานให้ได้ผลมากกว่าต้นทุนที่ใช้ไป
ตัวอย่าง
นักออกแบบ UX ปรับหน้าเว็บไซต์ใหม่ไม่ใช่แค่ให้ดูดี แต่ทดสอบ A/B testing กับผู้ใช้งานจริงจนพบว่ารูปแบบใหม่ช่วยเพิ่ม Conversion Rate ขึ้น 30%

วิธีปลูกฝัง Entrepreneurial Spirit ในองค์กร
การปลุกจิตวิญญาณผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Spirit) ไม่ใช่แค่การบอกหรือสั่งให้พนักงาน “คิดแบบเจ้าของ” แต่คือการออกแบบ วัฒนธรรม โครงสร้าง และระบบสนับสนุน ที่เอื้อต่อการสร้างคนที่ “กล้าคิด กล้าทำ และกล้ารับผิดชอบ”
นี่คือแนวทาง 5 ข้อที่องค์กรสามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมตัวอย่างและวิธีวัดผลที่เป็นรูปธรรม
1. สร้างวัฒนธรรมที่ให้ลองผิดลองถูกได้
ถ้าองค์กรยังมองความผิดพลาดว่าเป็น “ความล้มเหลว” คนจะไม่กล้าเสนออะไรใหม่
องค์กรต้องเปลี่ยนมุมมองว่า “ความล้มเหลวคือการเรียนรู้” และเปิดพื้นที่ให้ทดลองได้โดยไม่ถูกตำหนิ
ตัวอย่างการนำไปใช้
- ตั้ง “Sandbox Project” หรือ “Pilot Test Zone” ให้พนักงานเสนอไอเดียและทดลองภายใต้กรอบงบและเวลาที่กำหนด เช่น 30 วัน / 50,000 บาท
- จัดกิจกรรม “Fail Forward Friday” ให้แต่ละทีมแชร์สิ่งที่ลองแล้วไม่เวิร์ก พร้อมบทเรียนที่ได้
วิธีวัดผล
- จำนวนโครงการทดลองที่เกิดขึ้นในไตรมาส
- อัตราการเสนอไอเดียใหม่จากพนักงาน (เช่น จำนวนไอเดียใน Innovation Box)
- คะแนน Psychological Safety จากแบบสอบถามพนักงาน (เช่น Google Team Effectiveness Model)
2. ให้อำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น
การให้พนักงานแค่ “รออนุมัติ” ทำให้พลังความคิดถูกจำกัด
องค์กรควรกำหนด “กรอบอำนาจการตัดสินใจ” ที่ชัดเจน เช่น ระดับงบ ระยะเวลา หรือผลกระทบ เพื่อให้ทีมสามารถลงมือทำได้ทันทีในระดับที่ตนเองรับผิดชอบ
ตัวอย่างการนำไปใช้
- มอบสิทธิ์ให้หัวหน้าทีมอนุมัติงบโครงการภายในไม่เกิน 30,000 บาท โดยไม่ต้องผ่านผู้บริหาร
- ให้ทีม Customer Service ตัดสินใจคืนเงิน/เปลี่ยนสินค้าได้ภายในวงเงินที่กำหนด
วิธีวัดผล
- เวลาที่ใช้ในการตัดสินใจโครงการ (Decision Time Reduction)
- อัตราความพึงพอใจของลูกค้า/ผู้ใช้จากการตอบสนองรวดเร็ว
- จำนวนครั้งที่ทีมใช้ “สิทธิ์ตัดสินใจภายในกรอบ” และผลลัพธ์ที่ตามมา
3. เน้นเป้าหมายมากกว่าวิธีการ
แทนที่จะสั่งว่า “ต้องทำแบบนี้” ให้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วเปิดโอกาสให้ทีมเลือกวิธีการที่ดีที่สุดเอง จะช่วยให้เกิดการคิดเชิงกลยุทธ์และการแก้ปัญหาสร้างสรรค
ตัวอย่างการนำไปใช้
- แทนที่จะบอกให้พนักงาน “โทรหาลูกค้า 20 รายต่อวัน” ให้ตั้งเป้าหมายว่า “เพิ่ม Conversion Rate 10% ใน 1 เดือน” แล้วให้ทีมคิดวิธีเอง
- เปลี่ยนจาก SOP รายข้อ เป็น OKR ที่กำหนดผลลัพธ์ชัดเจน แล้วให้ทีมเขียน Action Plan เอง
วิธีวัดผล
- อัตราความสำเร็จของเป้าหมาย (Target Achievement Rate)
- ระดับความพึงพอใจของทีมต่ออิสระในการทำงาน (วัดผ่าน Pulse Survey)
- จำนวนวิธีการใหม่ ๆ ที่ทีมคิดขึ้นเอง
4. สร้าง Role Model ภายในองค์กร
ผู้นำที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้ายอมรับผลลัพธ์ เป็นต้นแบบสำคัญที่สุดในการปลูกฝัง Entrepreneurial Spirit เพราะวัฒนธรรมองค์กรไม่ได้มาจากคู่มือ แต่มาจากพฤติกรรมของผู้นำ
ตัวอย่างการนำไปใช้
- ผู้บริหารเล่าให้ฟังทุกเดือนว่า “สิ่งใดที่กล้าตัดสินใจแล้วสำเร็จ/ล้มเหลว” ผ่านช่องทางภายใน เช่น Townhall หรือ Intranet
- แต่งตั้ง “Innovation Ambassador” จากพนักงานที่กล้าเสนอไอเดียใหม่ และให้โอกาสนำเสนอผลงานในที่ประชุมใหญ่
วิธีวัดผล
- จำนวน Role Model ที่ถูกเสนอชื่อโดยเพื่อนร่วมงาน
- คะแนน Employee Engagement ต่อภาวะผู้นำ
- พฤติกรรมเลียนแบบ เช่น จำนวนทีมที่เริ่มทำตามแนวทางของ Role Model
5. ออกแบบระบบสนับสนุนอย่างชัดเจน
จิตวิญญาณผู้ประกอบการจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น หากองค์กรออกแบบ “ระบบรองรับ” ที่ไม่เพียงแต่เปิดโอกาส แต่ยังให้ทรัพยากรและความรู้
ตัวอย่างการนำไปใช้
- ตั้งงบ “Innovation Fund” ให้พนักงานยื่นขอทดลองโปรเจกต์ใหม่
- จัด “Internal Startup Program” หรือ Hackathon ภายในองค์กร
- เปิดอบรมทักษะด้านธุรกิจ การออกแบบนวัตกรรม การวางแผนการเงิน ฯลฯ
วิธีวัดผล
- จำนวนพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมหรืออบรม
- จำนวนไอเดียที่ขอใช้งบ Innovation Fund และผลลัพธ์ที่ได้
- อัตราการนำไอเดียทดลองไปใช้จริงในระบบงาน
สรุป Entrepreneurial Spirit พลังขับเคลื่อนองค์กรยุคใหม่
การปลูกฝัง Entrepreneurial Spirit หรือ จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่เพียงการสร้างแรงบันดาลใจให้คน “กล้าคิด กล้าทำ” เท่านั้น แต่คือการ ออกแบบวัฒนธรรม ระบบสนับสนุน และภาวะผู้นำ ที่เอื้อต่อการเติบโตจากภายใน
เมื่อองค์กรให้อำนาจในการตัดสินใจ เปิดโอกาสให้ทดลอง และมี Role Model ที่แสดงให้เห็นว่า “การเป็นผู้ประกอบการในองค์กร” คือเรื่องที่เป็นไปได้จริง
พนักงานจะไม่เพียงแค่ “ทำตามหน้าที่” แต่จะลุกขึ้นมาขับเคลื่อนสิ่งใหม่ ๆ สร้างนวัตกรรม และมีส่วนร่วมในการออกแบบอนาคตร่วมกับองค์กร
องค์กรที่มี Entrepreneurial Spirit ในทุกระดับ คือองค์กรที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา