10 Best Productivity Tools
สุดยอดสิบเครื่องมือในการเพิ่มผลผลิต
ในยุคแห่งความเร่งรีบและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น การบริหารจัดการเวลาและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หลักสูตร “10 Best Productivity Tools” นำเสนอเครื่องมือที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความชาญฉลาดในการปฏิบัติงาน
หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับบุคลากรในองค์กร ผู้บริหารระดับสูง ผู้ประกอบการ ที่มุ่งหวังจะเพิ่มผลิตภาพ ลดความเครียดในการทำงาน และยกระดับทักษะการบริหารจัดการ โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง การเข้าร่วมหลักสูตรนี้จะช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ
Learning Benefit
สิ่งที่จะได้รับจากการเรียนรู้
- รู้จัก 10 เครื่องมือเพิ่ม Productivity ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้นและจัดการงานได้เป็นระบบ
- เรียนรู้วิธีเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับงาน เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง
- ฝึกใช้งาน Productivity Tools จริง ผ่านเวิร์กชอป เพื่อให้คุณนำไปใช้ได้ทันที
- เรียนรู้เทคนิค Automation & Integration เพื่อให้เครื่องมือทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล ลดเวลาทำงานซ้ำๆ
- ปรับ Workflow ส่วนตัวและทีมให้มีประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานเป็นระบบมากขึ้น
Select Our Solution - Select Your Result
ยืดหยุ่นกว่าด้วยการเลือกโซลูชั่นหรือ หัวข้อการเรียนรู้ของเรา
ที่ตอบโจทย์บริบท และสนับสนุนเส้นทางความสำเร็จขององค์กรคุณ
KEY Learning PointS
Introduction to Productivity Tools
เข้าใจว่าทำไม Productivity Tools จึงสำคัญ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร
Time Management & Focus Tools
รู้จักเครื่องมือช่วยบริหารเวลา เช่น Pomodoro Timer ที่ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานสำคัญได้ดีขึ้น
Collaboration & Communication Tools
เรียนรู้เครื่องมือที่ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เช่น Slack, Microsoft Teams, Notion
Note-Taking & Knowledge Management
ฝึกใช้เครื่องมือบันทึกและจัดการความรู้ เช่น Evernote, Notion หรือ Obsidian เพื่อเก็บไอเดียและข้อมูลสำคัญ
Task & Project Management Tools
เรียนรู้เครื่องมือจัดการงาน เช่น Trello, Asana, ClickUp เพื่อวางแผนงานและติดตามความคืบหน้าได้ง่ายขึ้น
Customizing Your Productivity Stack
เรียนรู้วิธีเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์การทำงานของคุณ และการตั้งค่าให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
More flexible learning
The Blended Learning
เลือกจัดการเรียนรู้ได้ 4 รูปแบบ
Workshop Class
เรียนรู้แบบ Active Learning แลกเปลี่ยนมุมมอง และประสบการณ์เรียนรู้ ผ่านเวิร์คช็อประดับโลก
Virtual Classroom
เรียนรู้ผ่านห้องเรียนออนไลน์ เรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม ด้วยเครื่องมือ เทคโนโลยีดิจิทัล
E-Learning
เรียนรู้แบบไมโครเลิร์นนิ่ง ทบทวนซ้ำได้ไม่จำกัด เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา มีระบบวัดความรู้ ความเข้าใจ หลังเรียน
Blended Program
ออกแบบเส้นทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร พร้อมติดตามและประเมินผลความสำเร็จ
More Learning Experience
ACTION LEARNING
เราให้ความสำคัญกับประสบการณ์เรียนรู้ เพื่อให้ทุกนาทีของผู้เรียน
มีคุณค่าและเกิดแรงผลักดันแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วยเองมากที่สุด
เราจึงออกแบบคอร์สจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงออกแบบบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม และเวิร์คช็อประดับโลก ผ่านกระบวนการถ่ายทอดความรู้อย่างเป็นระบบ
You ask, we answer
คำถามที่พบบ่อย
องค์กรสามารถกำหนดจำนวนชั่วโมงการฝึกอบรมได้
เบื้องต้น 6 ชั่วโมง (1 วัน) , 12 ชั่วโมง (2 วัน)
หรือหากต้องเน้นผลลัพธ์สามารถออกแบบเป็น
โปรแกรม Blended Learning Program ได้
เราแนะนำว่าหากเรียนรู้แบบ Workshop Class
เพื่อประสิทธิภาพของการเรียนรู้ผู้เรียนไม่ควรเกิน 25-30 ท่าน
แต่หากเป็นรูปแบบ Virtual Classroom เราแนะนำว่า
จำนวนผู้เรียนที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 50-100 ท่าน
- สามารถออกแบบหลักสูตร กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการ หรือ เลือกหัวที่ตรงกับเป้าหมายองค์กรของคุณได้อย่างยืดหยุ่น
- ประสบการณ์เรียนรู้ ที่เหนือกว่า ด้วยการเรียนรู้ผ่าน บอร์ดเกม, เวิร์คช็อป และ เฟรมเวิร์คระดับโลก
- ไฟล์คู่มือ สามารถดาวน์โหลด เรียนทบทวนซ้ำได้
- คอร์สออนไลน์ และ สังคมการเรียนรู้ พื้นที่อัพเดทความรู้ และ แลกเปลี่ยนความรู้บนแพลตฟอร์ม Fastlearn10x
- แบบทดสอบวัดความรู้ในคลาส และเครื่องมือติดตามผลในระดับที่สูงขึ้น
โปรแกรมการเรียนรู้แบบผสมผสาน คือการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ โดยการแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 3 สเตจ โดย
สเตจแรกคือ Knowledge Stage : จะให้ผู้เรียน เรียนรู้ข้อมูล เนื้อหาสำคัญผ่าน E-Learning และทดสอบความรู้ก่อนไปสู่สเตจต่อไปคือ
สเตจที่สอง Practice stage : ผู้เรียนจะได้ฝึกปฏิบัติผ่านกรณีศึกษา , เวิร์คช็อปต่างๆ และสรุปด้วยการสะท้อนการเรียนรู้ร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนยกระดับความรู้ไปสู่การปฏิบัติ สร้างความพร้อมไปสู่สเตจสุดท้าย
สเตจสุดท้าย Business Result Stage : ผู้เรียนจะต้องทำ Pilot Project หรือ Micro Innovation เพื่อเป็นการยืนยันผลลัพธ์สุดสูงของการเรียนรู้